รีวิวนิยายแฟนตาซี รีวิวนิยายวิชชอร์ #Witchoar
รีวิวนิยายแฟนตาซี รีวิวนิยายวิชชอร์ #Witchoar
Life is simple.
Do not make it complicated
จะเรียกว่าเป็นข้อคิดของนิยายเรื่องนี้สำหรับเราเลยก็ว่าได้ค่ะ สั้นๆ ง่ายๆ แค่ใช้ชีวิตให้สนุก
ทำให้ทุกวันมีความสุขก็พอ
ทำให้ทุกวันมีความสุขก็พอ
สวัสดีค่ะ
เพราะเพิ่งอ่าน Witchoar ของพี่กัล หรือคุณกัลฐิดา (นามปากกา) จบไป อยู่ๆ ก็นึกอยากรีวิวนิยายขึ้นมาค่ะ
บอกก่อนเลยว่าไม่เคยรีวิวนิยายอย่างจริงๆ จังๆ มาก่อน อาจจะมีความคิดเห็น
หรืออะไรที่ไม่ถูกใจผู้อ่านท่านอื่นๆ บ้าง แต่ขอแชร์ความคิดเห็น ความสนุกของนิยายเรื่องนี้
ในมุมมองของเราให้เพื่อนๆ คอนิยายได้อ่าน ได้แชร์ความคิดเห็นกันค่ะ
หรืออะไรที่ไม่ถูกใจผู้อ่านท่านอื่นๆ บ้าง แต่ขอแชร์ความคิดเห็น ความสนุกของนิยายเรื่องนี้
ในมุมมองของเราให้เพื่อนๆ คอนิยายได้อ่าน ได้แชร์ความคิดเห็นกันค่ะ
เนื้อหาในรีวิวนี้อาจจะมีข้อความ สปอยเนื้อหาบ้าง
แต่จะพยายามไม่เขียนเพื่อคงความสนุกของคนที่ยังไม่ได้อ่านนะคะ
แต่จะพยายามไม่เขียนเพื่อคงความสนุกของคนที่ยังไม่ได้อ่านนะคะ
เรื่องวิชชอร์เป็นนิยายแฟนตาซีซีรี่ย์ใหม่ล่าสุดของพี่กัลค่ะ ซึ่งสิ่งที่เราประทับใจมากๆ
คือเรื่องนี้พี่เขาทำการบ้านมาดีมากๆ แบบดีที่สุดสำหรับเราเลยค่ะ ทุกข้อมูล ทุกตัวอักษร
คืออ่านแล้วรู้เลยว่าอันนี้ละเอียดนะ การจะนำข้อมูลมาย่อยให้ละเอียด
รวมทั้งสามารถดึงเอาเรื่องราวในประวัติศาสตร์ เรื่องราวตำนาน ความเชื่อ วัฒนธรรมจริงๆ บนโลก
มาใส่ให้กลมกลืนกับเรื่องที่แต่งขึ้นเป็นเรื่องยากมากๆ
โดยเฉพาะการเอาเรื่องจริงมาปนกับนิยายที่ต้องใช้จินตนาการสูงอย่างแนวแฟนตาซีด้วยแล้ว ยิ่งทำยากเข้าไปอีก
คือเรื่องนี้พี่เขาทำการบ้านมาดีมากๆ แบบดีที่สุดสำหรับเราเลยค่ะ ทุกข้อมูล ทุกตัวอักษร
คืออ่านแล้วรู้เลยว่าอันนี้ละเอียดนะ การจะนำข้อมูลมาย่อยให้ละเอียด
รวมทั้งสามารถดึงเอาเรื่องราวในประวัติศาสตร์ เรื่องราวตำนาน ความเชื่อ วัฒนธรรมจริงๆ บนโลก
มาใส่ให้กลมกลืนกับเรื่องที่แต่งขึ้นเป็นเรื่องยากมากๆ
โดยเฉพาะการเอาเรื่องจริงมาปนกับนิยายที่ต้องใช้จินตนาการสูงอย่างแนวแฟนตาซีด้วยแล้ว ยิ่งทำยากเข้าไปอีก
แต่! พี่กัลทำได้ค่ะทุกคน T T
สารภาพตรงนี้ว่าตอนเล่มแรกออกมาเราทำใจนานมากกว่าจะซื้อ
ไม่ใช่เพราะไม่เชื่อมั่นในผลงานพี่เขา แต่ว่าเราสารภาพตรงๆ ว่าไม่ค่อยชอบงานก่อนๆ
ในจุดที่แทบทุกตัวละครหลักต้องมีคู่ค่ะ /ทำร้ายจิตใจสาวโสดเป็นอย่างยิ่ง (ไม่ใช่ละ 5555)
คืองานเขียนแฟนตาซีของพี่กัลจุดที่ท็อปฟอร์มมากๆ คือเรื่องของพล็อตนิยายที่แน่น ซับซ้อนและน่าค้นหา
สนุกทุกตอนที่เปิดอ่านค่ะ แต่เรารู้สึกเรื่องตัวละครมีคู่หลายคู่นี่มันเยอะขึ้นๆ ตามกาลเวลา
ทั้งเซวีน่า เดรกเกอร์ และคาเลนดาร์ ค่ะ 5555 (ถามว่าอ่านไหมก็อ่านค่ะ เพราะเนื้อหาสนุก)
ไม่ใช่เพราะไม่เชื่อมั่นในผลงานพี่เขา แต่ว่าเราสารภาพตรงๆ ว่าไม่ค่อยชอบงานก่อนๆ
ในจุดที่แทบทุกตัวละครหลักต้องมีคู่ค่ะ /ทำร้ายจิตใจสาวโสดเป็นอย่างยิ่ง (ไม่ใช่ละ 5555)
คืองานเขียนแฟนตาซีของพี่กัลจุดที่ท็อปฟอร์มมากๆ คือเรื่องของพล็อตนิยายที่แน่น ซับซ้อนและน่าค้นหา
สนุกทุกตอนที่เปิดอ่านค่ะ แต่เรารู้สึกเรื่องตัวละครมีคู่หลายคู่นี่มันเยอะขึ้นๆ ตามกาลเวลา
ทั้งเซวีน่า เดรกเกอร์ และคาเลนดาร์ ค่ะ 5555 (ถามว่าอ่านไหมก็อ่านค่ะ เพราะเนื้อหาสนุก)
และเราไม่อินกับเรื่อง Lost เท่าไหร่เพราะไม่ชอบพระเอก เลยอ่านไม่จบค่ะ
(แต่ในอนาคตจะกลับไปอ่านให้จบนะคะ)
(แต่ในอนาคตจะกลับไปอ่านให้จบนะคะ)
ทีนี้พอไม่อินกับเรื่อง Lost เราเลยรู้สึกต้องทำใจเพราะกลัวว่าวิชชอร์อาจจะไม่สนุก
และตัวละครหลายตัวอาจมีคู่พระนางมุ้งมิ้ง คือไม่ใช่ว่ามีแล้วไม่ดีนะคะ แต่มีแล้วเยอะไปเราก็รู้สึกขัดๆ บ้างครั้ง 555
แต่ช่วงที่วิชชอร์เล่มแรกออกในงานหนังสือเราก็คว้ามาจนได้
และตัวละครหลายตัวอาจมีคู่พระนางมุ้งมิ้ง คือไม่ใช่ว่ามีแล้วไม่ดีนะคะ แต่มีแล้วเยอะไปเราก็รู้สึกขัดๆ บ้างครั้ง 555
แต่ช่วงที่วิชชอร์เล่มแรกออกในงานหนังสือเราก็คว้ามาจนได้
#ใช้เวลาอ่านเล่มแรกที่บางที่สุดนานกว่า 6 เล่มที่เหลือ
เล่มแรกเป็นนิยายที่ต้องใช้ความพยายามอย่างมากในการที่จะอ่านไปให้ถึงครึ่งเล่ม 555555
คือตอนเจย์ยังไม่เดินทางไปวิชชอร์คือเรื่องมันเนิบมาก เนิบสุดๆ จนเราอ่านแล้วจะหลับ
ประวัติคนนู้นคนนี้มากมาย ตัวละครก็ลึกลับ กระทั่งตัวพระเอกเองก็ยังลึกลับ
แต่เชื่อเถอะค่ะว่าทุกครั้งที่เราอ่านจบไปที่ละเล่ม เราจะอยากกลับไปเปิดหาข้อมูลในเล่มหนึ่งอีกรอบเสมอ
เป็นซีรี่ย์ที่มองข้ามข้อมูลใดใดไปไม่ได้จริงๆ ค่ะ /แนะนำให้จดลงสมุด กันลืม 55555
และเมื่ออ่านจนจบเรื่องแล้วกลับมาย้อนอ่านใหม่ เราก็จะเข้าใจคำพูดของบางตัวละครเพิ่มมากขึ้นว่า
ทำไมเขาพูดแบบนั้น คำตอบของคำถามหลายๆ คำถามเมื่อเราอ่านจนจบเรื่องแล้วมันก็จะเคลียร์เกือบทั้งหมดเลยค่ะ(แต่ไม่หมด555)
ส่วนอะไรที่ไม่เคลียร์ คิดว่าในภาคที่พี่กัลจะเขียนต่อจากนี้ซึ่งเป็นเรื่องราวก่อนที่เจย์จะความจำเสื่อม
‘Journey of Jay Scott’ น่าจะเฉลยอะไรให้เรารู้มากขึ้นค่ะ
ประวัติคนนู้นคนนี้มากมาย ตัวละครก็ลึกลับ กระทั่งตัวพระเอกเองก็ยังลึกลับ
แต่เชื่อเถอะค่ะว่าทุกครั้งที่เราอ่านจบไปที่ละเล่ม เราจะอยากกลับไปเปิดหาข้อมูลในเล่มหนึ่งอีกรอบเสมอ
เป็นซีรี่ย์ที่มองข้ามข้อมูลใดใดไปไม่ได้จริงๆ ค่ะ /แนะนำให้จดลงสมุด กันลืม 55555
และเมื่ออ่านจนจบเรื่องแล้วกลับมาย้อนอ่านใหม่ เราก็จะเข้าใจคำพูดของบางตัวละครเพิ่มมากขึ้นว่า
ทำไมเขาพูดแบบนั้น คำตอบของคำถามหลายๆ คำถามเมื่อเราอ่านจนจบเรื่องแล้วมันก็จะเคลียร์เกือบทั้งหมดเลยค่ะ(แต่ไม่หมด555)
ส่วนอะไรที่ไม่เคลียร์ คิดว่าในภาคที่พี่กัลจะเขียนต่อจากนี้ซึ่งเป็นเรื่องราวก่อนที่เจย์จะความจำเสื่อม
‘Journey of Jay Scott’ น่าจะเฉลยอะไรให้เรารู้มากขึ้นค่ะ
สำหรับเล่มหนึ่ง เราใช้เวลาเป็นเดือนเลยค่ะในการอ่านเล่มนี้
เพราะกว่าจะทำใจอ่านให้มันไปต่อแต่ละตอนมันเหนื่อยมากเลยค่ะ (หัวเราะ)
เราเลยวางมันลงหลายรอบมาก แต่เชื่อเถอะค่ะว่าพอผ่านครึ่งเล่มมาได้แล้วอะไรๆ มันก็ดีขึ้นค่ะ
และเมื่อจบหน้าสุดท้ายเราก็จะร้องว่า “โอยยยย” พร้อมกัน 55555
เพราะกว่าจะทำใจอ่านให้มันไปต่อแต่ละตอนมันเหนื่อยมากเลยค่ะ (หัวเราะ)
เราเลยวางมันลงหลายรอบมาก แต่เชื่อเถอะค่ะว่าพอผ่านครึ่งเล่มมาได้แล้วอะไรๆ มันก็ดีขึ้นค่ะ
และเมื่อจบหน้าสุดท้ายเราก็จะร้องว่า “โอยยยย” พร้อมกัน 55555
โอยยยย ในที่นี้คือสัมผัสได้ว่าพล็อตแน่นแน่นอนค่ะ 5555
เล่มแรกคือการปูทาง ปูเนื้อเรื่องสำหรับการเดินทางหลังความจำเสื่อมของเจย์ พระเอกของเรา
และเล่มที่สองคือสนุกมาจนเราต้องรีบเอาเล่มแรกไปยัดใส่มือพี่สาว บอกว่าต้องอ่าน
และย้ำมากๆ ว่าให้พยายามอ่านจนเลยครึ่งเล่มแรกให้ได้ก่อน
เล่มแรกคือการปูทาง ปูเนื้อเรื่องสำหรับการเดินทางหลังความจำเสื่อมของเจย์ พระเอกของเรา
และเล่มที่สองคือสนุกมาจนเราต้องรีบเอาเล่มแรกไปยัดใส่มือพี่สาว บอกว่าต้องอ่าน
และย้ำมากๆ ว่าให้พยายามอ่านจนเลยครึ่งเล่มแรกให้ได้ก่อน
#ปลุกความแฟนตาซีในตัวคุณ
พอโตขึ้น มุมมอง อะไรๆ ก็เปลี่ยนไปหลายอย่าง
จากที่เคยอ่านแต่นิยายแฟนตาซี เราก็อ่านนิยายหลากหลายแนวมากขึ้น
เรารู้สึกได้เลยว่าจินตนาการตัวเองไม่ล้ำเลิศเท่าตอนเป็นเด็ก แบบอ่านนิยายแล้วก็ไม่ได้อินอะไรขนาดนั้น
(ตอนนี้เราอายุ 25 ปีค่ะ เริ่มอ่านการ์ตูนและนิยายจริงๆ จังๆ ตั้งแต่ตอน ป.4 แฟนตาซีเล่มแรกๆ ที่อ่านคือ
หัวขโมยแห่งบารามอส, rabbit และ The last fantasy, แสงจันทร์ ตอนที่ยังตีพิมพ์กับ สนพ. Good morning ค่ะ)
จากที่เคยอ่านแต่นิยายแฟนตาซี เราก็อ่านนิยายหลากหลายแนวมากขึ้น
เรารู้สึกได้เลยว่าจินตนาการตัวเองไม่ล้ำเลิศเท่าตอนเป็นเด็ก แบบอ่านนิยายแล้วก็ไม่ได้อินอะไรขนาดนั้น
(ตอนนี้เราอายุ 25 ปีค่ะ เริ่มอ่านการ์ตูนและนิยายจริงๆ จังๆ ตั้งแต่ตอน ป.4 แฟนตาซีเล่มแรกๆ ที่อ่านคือ
หัวขโมยแห่งบารามอส, rabbit และ The last fantasy, แสงจันทร์ ตอนที่ยังตีพิมพ์กับ สนพ. Good morning ค่ะ)
การได้มาอ่านวิชชอร์ ทำให้เราสนุกไปกับโลกแฟนตาซีอีกครั้งค่ะ
มันสนุกจนถึงขั้นที่ว่าเออ ถ้าได้แปลเป็นภาษาอังกฤษด้วยก็คงมีกลิ่นอายอีกแบบนะ น่าอ่านจังเลย อะไรแบบนั้นเลยค่ะ
มันสนุกจนถึงขั้นที่ว่าเออ ถ้าได้แปลเป็นภาษาอังกฤษด้วยก็คงมีกลิ่นอายอีกแบบนะ น่าอ่านจังเลย อะไรแบบนั้นเลยค่ะ
#โลกเวทย์มนต์ที่กลับมาโลดแล่นบนตัวหนังสืออีกครั้ง
เชื่อว่าไม่ได้มีแค่เราที่ไปเสิร์จกูเกิ้ลหาชื่อตัวละครกับชื่อหนังสือและประวัติศาสตร์เกี่ยวกับการล่าแม่มดสมัยยุคกลาง
ที่จริงแล้วการหยิบเอาประวัติศาสตร์ ความเชื่อที่ไม่ได้มีหลักฐานชัดเจน
แน่นอนมาเล่นกับพล็อตเรื่องเป็นอะไรที่ไม่ได้แปลกใหม่ หลายๆ คนคงเคยเห็นนักเขียนท่านอื่นทำแบบนี้มาบ้างแล้ว
เช่น นิยายแนวย้อนเวลาไปอดีต อิงประวัติศาสตร์ไทยสมัยก่อน แต่วิชชอร์ไม่ได้เล่นแค่ประวัติศาสตร์
แต่เล่นลงไปถึงความเชื่อเลยทีเดียว ไม่ว่าเอาจุดบอดที่คลุมเครือของเรื่องราวมาเรียงเป็นพล็อตเรื่องในแบบของพี่กัล
และยังเอาตำนานความเชื่อที่มีชื่อเรียก มีอยู่จริงเข้ามาทำให้สมจริงยิ่งขึ้นไปอีก
ส่วนใหญ่ในเรื่องจะเน้นไปทางโซนยุโรป อารยธรรมแถบเมโสโปเตเมีย และมีฝั่งเอเชียอย่างจีนปนเข้ามาบ้าง
เช่น เรื่องเจียงชือ* หรือยายเมิ่งผอ* แม้จะมีของเอเชียปนเข้ามานิดหน่อย ไม่มากนักในเรื่อง
แต่เราคิดว่าถ้าพี่กัลไปเล่นเนื้อหาเวทย์มนต์ทางฝั่งเอเชียบ้างคงสนุกไปอีกแบบเหมือนกันนะ
คือมันดูน่าจะมีโลกเวทย์มนต์ที่เป็นอีกแบบหนึ่ง เพราะมนุษย์เรา โลกเรามีความหลากหลายทางเชื่อชาติ
รวมไปถึงวัฒนธรรม ความเชื่อที่แตกต่างกันไปอีก พอคิดแบบนี้แล้วเรารู้สึกว่าโลกวิชชอร์และโลกที่อยู่เลยเนื้อหาของวิชชอร์ไปอีก
คงสนุกน่าดูค่ะ มันทำให้เราคิดว่า เอ...จะมีเวทย์มนต์แบบไหนรออยู่อีกนะ
ที่จริงแล้วการหยิบเอาประวัติศาสตร์ ความเชื่อที่ไม่ได้มีหลักฐานชัดเจน
แน่นอนมาเล่นกับพล็อตเรื่องเป็นอะไรที่ไม่ได้แปลกใหม่ หลายๆ คนคงเคยเห็นนักเขียนท่านอื่นทำแบบนี้มาบ้างแล้ว
เช่น นิยายแนวย้อนเวลาไปอดีต อิงประวัติศาสตร์ไทยสมัยก่อน แต่วิชชอร์ไม่ได้เล่นแค่ประวัติศาสตร์
แต่เล่นลงไปถึงความเชื่อเลยทีเดียว ไม่ว่าเอาจุดบอดที่คลุมเครือของเรื่องราวมาเรียงเป็นพล็อตเรื่องในแบบของพี่กัล
และยังเอาตำนานความเชื่อที่มีชื่อเรียก มีอยู่จริงเข้ามาทำให้สมจริงยิ่งขึ้นไปอีก
ส่วนใหญ่ในเรื่องจะเน้นไปทางโซนยุโรป อารยธรรมแถบเมโสโปเตเมีย และมีฝั่งเอเชียอย่างจีนปนเข้ามาบ้าง
เช่น เรื่องเจียงชือ* หรือยายเมิ่งผอ* แม้จะมีของเอเชียปนเข้ามานิดหน่อย ไม่มากนักในเรื่อง
แต่เราคิดว่าถ้าพี่กัลไปเล่นเนื้อหาเวทย์มนต์ทางฝั่งเอเชียบ้างคงสนุกไปอีกแบบเหมือนกันนะ
คือมันดูน่าจะมีโลกเวทย์มนต์ที่เป็นอีกแบบหนึ่ง เพราะมนุษย์เรา โลกเรามีความหลากหลายทางเชื่อชาติ
รวมไปถึงวัฒนธรรม ความเชื่อที่แตกต่างกันไปอีก พอคิดแบบนี้แล้วเรารู้สึกว่าโลกวิชชอร์และโลกที่อยู่เลยเนื้อหาของวิชชอร์ไปอีก
คงสนุกน่าดูค่ะ มันทำให้เราคิดว่า เอ...จะมีเวทย์มนต์แบบไหนรออยู่อีกนะ
ตอนที่อ่านวิชชอร์เล่มกลางๆ น่าจะพอดีกับตอนช่วงที่เราหา Fantastic Beast ของ J.K. Rolling มาดูด้วย
มันยิ่งทำให้เราอินกับโลกเวทย์มนต์ขึ้นมาอีกหน่อยด้วย แบบถึงขั้นแบบจินตนาการว่าเออเว้ย
ศูนย์บัญชาการฮอปกินส์ก็คงเป็นตึกกระทรวงสวยๆ ในยุโรปสักตึกที่มีคนเดินเต็มไปหมด
มันยิ่งทำให้เราอินกับโลกเวทย์มนต์ขึ้นมาอีกหน่อยด้วย แบบถึงขั้นแบบจินตนาการว่าเออเว้ย
ศูนย์บัญชาการฮอปกินส์ก็คงเป็นตึกกระทรวงสวยๆ ในยุโรปสักตึกที่มีคนเดินเต็มไปหมด
และการจินตนาการตามตัวหนังสือ รวมทั้งการได้มีโอกาสซื้อ Art book ของวิชชอร์มาเก็บไว้ก็ทำให้เราเห็นภาพ
เมืองเวทย์มนต์ของพี่กัลชัดเจนยิ่งขึ้น และได้แต่คิดว่าถ้ามันมีอยู่จริง จะต้องเป็นเมืองที่สวยงามและทำให้ผู้คนประทับใจได้ไม่รู้ลืม
อยากจะไปนั่งจิบน้ำชายามบ่าย เจอมาสเตอร์หล่อๆ ในวิทาเรียดูสักครั้ง 555
เมืองเวทย์มนต์ของพี่กัลชัดเจนยิ่งขึ้น และได้แต่คิดว่าถ้ามันมีอยู่จริง จะต้องเป็นเมืองที่สวยงามและทำให้ผู้คนประทับใจได้ไม่รู้ลืม
อยากจะไปนั่งจิบน้ำชายามบ่าย เจอมาสเตอร์หล่อๆ ในวิทาเรียดูสักครั้ง 555
#ร้านน้ำชาที่ไม่มีวันปิดกับความลับมากมายที่ซ่อนอยู่
ถ้าได้อ่านวิชชอร์แล้วทุกคนจะพบว่าเรื่องราวที่ดำเนินไปมันมีการเฉลยปมเล็กๆ น้อยๆ ไปตามแต่ละช่วง
แต่ละตอนโดยไม่ให้เสียอรรถรสของเรื่องแม้แต่เล็กน้อย แต่เรื่องที่ยังเป็นความลับก็ยังเป็นความลับ
ทิ้งให้เป็นเสน่ห์อย่างหนึ่งของวิชชอร์และร้านน้ำชาวิทาเรียแห่งนี้ และเราก็หวังว่าจะได้รู้ความลับเล่านั้นในเล่มพิเศษที่พี่กัลจะแต่ง 5555
แต่ละตอนโดยไม่ให้เสียอรรถรสของเรื่องแม้แต่เล็กน้อย แต่เรื่องที่ยังเป็นความลับก็ยังเป็นความลับ
ทิ้งให้เป็นเสน่ห์อย่างหนึ่งของวิชชอร์และร้านน้ำชาวิทาเรียแห่งนี้ และเราก็หวังว่าจะได้รู้ความลับเล่านั้นในเล่มพิเศษที่พี่กัลจะแต่ง 5555
#จุดพีคของเรื่องบางจุดที่ไม่ได้หวือหวาแต่ตอบโจทย์เรื่องราวในแบบที่มันเป็น
เราว่าจุดนี้เป็นอีกจุดที่ทำให้เราประทับใจเรื่องวิชชอร์มากขึ้นค่ะ นิยายหลายๆ เรื่องเวลาเรื่องราวดำเนินมาถึงจุดพีคๆ พล็อตหลัก
เหตุการณ์ที่เกิดกับตัวละครสำคัญ มันมักจะเป็นเหตุการณ์ที่อ่านแล้วเราตื่นเต้น รู้สึกใจเต้นตึกตักตลอดเวลา
อาจจะเป็นพวกฉากต่อสู้ หรือว่าฉากเรียกน้ำตาดราม่าสุดๆ กระทั่งฉากที่เราไม่สามารถลืมมันไปได้
ถามว่าวิชชอร์มีฉากเหล่านั้นไหม ก็มีค่ะ แต่บางฉากที่ถือว่าเป็นจุดพีคของเรื่องเหมือนกัน ก็ไม่ได้จำเป็นจะต้องน่าตื่นตะลึงหรือหวือหวาเสมอไป
บางครั้งการปล่อยให้เรื่องราวไหลไปตามแบบที่มันควรจะเป็น ตามความเป็นไปได้ ตามหลักของเหตุและผล ก็เป็นอีกเสน่ห์หนึ่งของวิชชอร์ค่ะ
เหตุการณ์ที่เกิดกับตัวละครสำคัญ มันมักจะเป็นเหตุการณ์ที่อ่านแล้วเราตื่นเต้น รู้สึกใจเต้นตึกตักตลอดเวลา
อาจจะเป็นพวกฉากต่อสู้ หรือว่าฉากเรียกน้ำตาดราม่าสุดๆ กระทั่งฉากที่เราไม่สามารถลืมมันไปได้
ถามว่าวิชชอร์มีฉากเหล่านั้นไหม ก็มีค่ะ แต่บางฉากที่ถือว่าเป็นจุดพีคของเรื่องเหมือนกัน ก็ไม่ได้จำเป็นจะต้องน่าตื่นตะลึงหรือหวือหวาเสมอไป
บางครั้งการปล่อยให้เรื่องราวไหลไปตามแบบที่มันควรจะเป็น ตามความเป็นไปได้ ตามหลักของเหตุและผล ก็เป็นอีกเสน่ห์หนึ่งของวิชชอร์ค่ะ
ไม่จำเป็นต้องน่าตื่นเต้นหรือหวือหวา ขอแค่มันสมเหตุสมผล สมบูรณ์ในตัวมันเองก็เท่านั้น
สำหรับเราจุดจบของแม่มดนอร์ทคือเราว่ามันดีมาก มันจบแบบจบอ่ะ สมบูรณ์ในตัวของมันแล้ว ไม่ได้ตื่นตะลึงอะไร
แต่เป็นจุดจบที่เราว่านิ่มนวล เงียบงันและสิ้นสุดอย่างงดงามจริงๆ ค่ะ
สำหรับเราจุดจบของแม่มดนอร์ทคือเราว่ามันดีมาก มันจบแบบจบอ่ะ สมบูรณ์ในตัวของมันแล้ว ไม่ได้ตื่นตะลึงอะไร
แต่เป็นจุดจบที่เราว่านิ่มนวล เงียบงันและสิ้นสุดอย่างงดงามจริงๆ ค่ะ
อย่างไรก็ตาม ถ้าใครกำลังลังเลว่าจะซื้อวิชชอร์มาอ่านดีหรือเปล่า เราอยากให้ลองเปิดใจอ่านเล่มแรกให้จบค่ะ
เรารักตัวละครในเรื่องนี้มากๆ แม้จะรำคาญตัวเอกผู้หญฺิงคนหนึ่งมากๆ เช่นกันในช่วงแรก 555
แต่การได้เห็นตัวละครในเรื่องเติบโต มีการตัดสินใจ ความคิดที่เปลี่ยนไปตามประสบการณ์ เราว่ามันดีมากเลยค่ะ
เรารักตัวละครในเรื่องนี้มากๆ แม้จะรำคาญตัวเอกผู้หญฺิงคนหนึ่งมากๆ เช่นกันในช่วงแรก 555
แต่การได้เห็นตัวละครในเรื่องเติบโต มีการตัดสินใจ ความคิดที่เปลี่ยนไปตามประสบการณ์ เราว่ามันดีมากเลยค่ะ
และบทสรุปที่เราได้มาจากเรื่องนี้นอกจากโควทในเรื่องที่ว่า
Life is simple.
Do not make it complicated
ก็คือ
Living a life is simple.
It is to live with those you love.
ไปอ่านกันเถอะค่ะ สนุกจริงๆ เชื่อเรา
เราชอบเรื่องนี้มากที่สุดในบรรดานิยายของพี่เขาเลยค่ะ มันสมบูรณ์ มันเติบโตและเป็นในแบบที่มันเป็น
เพราะเหตุผลของคนเราต่างกัน สิ่งที่เลือกเลยไม่จำเป็นต้องเป็นแบบเดียวกัน
และคำตอบของคำถามบางอย่าง ก็ไม่ได้มีเพียงคำตอบเดียวค่ะ :)
และคำตอบของคำถามบางอย่าง ก็ไม่ได้มีเพียงคำตอบเดียวค่ะ :)
ใครอ่านจบแล้วมาคุยกันนะคะ ><
Nanalin
Nanalin
ยกมือว่า ไม่อิน Lost เหมือนกันเลยค่ะ ทำให้อ่านไม่จบ แฮะๆ แต่ชอบวิชชอร์มากถึงมากที่สุด อ่านไม่ต่ำกว่า 5 รอบแล้วค่ะ เราชอบแนวคิดเรื่ององกรค์ฮอปกิ้นส์มากเลยค่ะ คือบางที บางอย่างมันก็จำเป็นต้องมี ทั้งๆที่เราก็รู้ว่ามันเป็นของไม่ดีอ่ะเนอะ
ReplyDeleteเล่มแรกรำคาญตัวเอกผู้หญิงมากมาย 555
จริงค่ะ ฮอปกินส์คือเราชอบแมทมากเลยค่ะ รู้สึกว่าแบบอย่างแมทกับเจย์นี่คือเพราะเหตุผล หน้าที่ที่ยึดถือต่างกัน ทำให้คนเรายืนฝั่งตรงข้ามกัน หรือพลิกกลับมายืนฝั่งเดียวกันได้ตามสถานการณ์ โดยที่ไม่จำเป็นว่าจะต้องเป็นคนดีหรือเลวเสมอไป คือไม่มีการจำกัดความว่าคิดไม่เหมือนกันแล้วต้องเป็นคนไม่ดี อะไรแบบนั้น ><
Deleteจับมือค่ะ เราดีใจมากที่จบแบบที่ไม่คู่กับใครตายตัว และซ.อ.ไม่ใช่นางเอกในนิยามที่ว่าต้องคู่กับพระเอก 5555
คิดเหมือนกับที่คุณคิดเลยค่ะ เป็นนิยายที่ชอบมากที่สุดในบรรดาทุกเรื่อง เพราะเหมือนได้เห็นการเติบโตทางด้านงานเขียนของพี่กัลด้วย ดีมากจนอยากจะให้มีอีกหลายๆ เล่ม อยากอ่านอีก 55555 แถมในเรื่องยังมีข้อคิดแฝงอยู่มากมาย มันเป็นอะไรที่มีมากกว่าแค่ความสนุกจริงๆ นะคะวิชชอร์เนี่ย
ReplyDeleteถ้าได้อ่านทีละตอนเวลาพี่กัลอัป จะมีประโยคหนึ่งที่เราชอบมากตอนพี่กัลทอล์กทิ้งท้ายเอาไว้ในแต่ละตอน เราจำไม่ได้ว่าตอนนั้นคือตอนที่เท่าไหร่ แต่พี่กัลพูดประมาณว่า 'ไม่ว่าใครก็มีความฝัน และไม่ว่าฝันนั้นจะเล็กหรือใหญ่ แต่น้ำหนักของความฝันเท่ากันเสมอ" เป็นอะไรที่ทัชใจเรามาก บวกกับอินเข้าไปอีกเพราะเจย์ที่เป็นตัวหลักของเรื่องเขาก็มีความฝัน ฝันของเขาคือการทำให้รอยยิ้มและเสียงหัวเราะคงอยู่ในครอบครัวของเขา ฝันว่าทุกคนที่เขารักจะมีความสุขและปลอดภัย
ดีใจที่มีคนออกมารีวิวนะคะ เพราะเราเองก็อยากให้คนอ่านเรื่องนี้เยอะๆ เรารีวิวเองไม่ค่อยถูก 555 ยิ่งในช่วงที่ตลาดนิยายแฟนตาซีมันชะลอตัวลง การจะมีงานเขียนดีๆ ออกมาให้อ่านนั้นยากอยู่ เราจะเอารีวิวนี้ไปแปะชวนให้คนอื่นอ่านด้วยกัน 555
เห็นด้วยเลยค่ะ เรื่องนี้เหมือนผลิตผลจากประสบการณ์งานเขียนของพี่กัลแล้วออกดอกออกผลงดงามมาเป็นวิชชอร์อย่างที่พวกเราได้อ่านกัน เราพออ่านเล่ม 6 จบปุ๊บเรารู้สึกทนอยู่ไม่ได้ค่ะ อยากชวนทุกคนอ่านมากๆ ของเราที่รู้สึกว่างานชิ้นนี้ควรถึงมือคนเยอะๆ ควรผ่านตาผู้อ่านที่หลากหลาย เรามีความสุขมากเลยค่ะที่พี่กัลเขียนงานชิ้นนี้ออกมา
Deleteเรื่องนี้มีนางเอกเหรอคะ เศร้าแป๊บ
ReplyDeleteนางเอกในแง่ที่ว่าเป็นตัวเด่นก็พอมีนะคะ แต่ไม่ได้ในแง่ที่ว่าต้องคู่กับพระเอกค่ะ 😊
Deleteเรื่องนี้ดีจริงๆค่ะ นี่เราเดินในse-edแล้วเผลอซื้อเล่มแรกมา ในเล่มแรกคือเราแบบ งงมากค่ะว่าใครคือใคร ทำไมลึกลับซับซ้อนจัง( หัวเราะ ) แต่พออ่านเล่มแรกจบก็รู้สึกคอมพลีตมากค่ะ 5555 แต่พอได้อ่านถึงเล่มสี่ก็เริ่มเลยค่ะ ลากเพื่อนมานั่งอ่านด้วยกัน( แต่นางก็ยังไม่อ่านจนถึงวันนี้ค่ะ เศร้า555 ) พระเอกของเราถึงจะดูมึนๆแต่ก็มีหลายด้านหลายมิติดีนะคะ555
ReplyDeleteเรื่อง Witchoar นี้มีข้อมูลหลากหลายมากเลยค่ะ ทั้งความเชื่อ เวทมนตร์ ประวัติศาสตร์ ภาษา แต่ก็ไม่ได้ข้อมูลเยอะจนเหมือนตำราเรียนแหละค่ะ 555
ปล.เรื่องทำให้เรารู้สึกอยากเข้าไปนั่งดื่มชาในกะดึกของมาสเตอร์ขี้เซามากเลยล่ะค่ะ ( หัวเราะ )
รักผลงานคุณกัลแต่เรื่องนี้เรารำคาญตัวเอกโซอี้มาก จนเกือบเลิกอ่านเลยล่ะ
ReplyDelete